Present simple Tense
คือ ปัจจุบันกาลแบบเรียบง่าย เป็นเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
หลักการใช้ Present simple tense มีดังนี้คือ
1.ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เป็นความจริงหรือข้อเท็จจริงโดยทั่วๆไปหรือความจริงตามธรรมชาติ
เช่น – She goes to work by bus.
– The earth moves around the sun.
– The sun sets in the west and rises in the east.
2.ใช้กับเหตุการณ์ที่ทำเป็นประจำหรือเป็นกิจวัตร รวมถึงนิสัย
เช่น – He watches television every night.
– Children drink milk every day.
3.ใช้ในการแสดงความคิดเห็นหรือความชอบ
เช่น – We love our school.
– Jack likes Thai food.
4.ใช้กล่าวถึงตารางเวลาต่างๆ
เช่น – Train arrives at the train station every 1 hours.
คำบอกเวลา
คำบอกเวลาที่เรามักเจอท้ายประโยคคือ
-every day ทุกๆวัน
-every week ทุกๆสัปดาห์
-every month ทุกๆเดือน
-every night ทุกๆคืน
-every year ทุกๆปี
-every morning ทุกๆเช้า
Adverbs of Frequency
ใช้บอกการแสดงความถี่ของการกระทำนั้นๆ จะวางไว้หน้าคำกริยามีคำว่า
always สม่ำเสมอ 100 %
usually เป็นประจำ 80%
often บ่อยๆ 60%
sometimes บางครั้งบางคราว 30%
seldom นานๆครั้ง 10% never ไม่เคย 0%
โครงสร้างประโยคบอกเล่า
Subject + Verb1 + Object
He, She, It, ชื่อคน สัตว์ สิ่งของ (1) + verb 1 ( เติม s ,es )
I , You, We, They, ชื่อคน สัตว์ สิ่งของ (2 ขึ้นไป) + verb1
*หมายเหตุ*ให้นักเรียนสังเกตุว่าถ้าประธานเป็นเอกพจน์คือ He ,She, It, Mark, A dog
คำกริยาที่นักเรียนใช้ ต้องเติม s, es ท้ายคำกริยา
การเติม s, es หลังคำกริยา โดยมีหลักดังนี้
1.คำกริยาทั่วๆไปเติม s เช่น drink-drinks, walk-walks,
eat-eats
2.คำกริยาที่ลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, x, oให้เติม es เช่น watch-watches,wash-washes, miss-misses, go-goes
3.คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y มี 2 กรณีคือ
– ถ้าหน้า y เป็นพยัญชนะให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es
เช่น cry-cries, study-studies, fly-flies
– ถ้าหน้า y เป็นสระ (a,e,i,o,u)ให้เติม s เช่น play-plays,
buy-buys, enjoy-enjoys
สิ่งที่ควรจำคือ
- ถ้าประธานเป็นเอกพจน์(He,She, It) คำกริยาเติม s, es
- ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ (I, You, We, They) คำกริยาไม่เติม s, es
โครงสร้างประโยคคำถาม ( Present simple Tense )
เมื่อเราต้องการทำประโยคบอกเล่าให้เป็นประโยคคำถาม เราต้องใช้
Verb to do เข้ามาช่วยก็คือ Do กับ Does
Do/Does + subject + verb 1 + object + ?
Does + he, she, it ,นามเอกพจน์ + verb 1 + object + ?
Do + I, you, we, they, นามพหูพจน์ + verb 1 + object + ?
*ข้อสังเกต* ถ้าเราใช้ Does เข้ามาช่วยแล้วกริยาต้องเป็นช่อง 1 เหมือนเดิม
เราไม่ต้องเติม s, es
*เราตอบคำถามแบบนี้โดยการใช้ Yes กับ No
โครงสร้างประโยคปฏิเสธ ( Present simple tense)
เมื่อเราต้องการทำประโยคบอกเล่าให้เป็นประโยคปฏิเสธ เราต้องใช้
Verb to do เข้ามาช่วยก็คือ do กับ does
Subject + don’t / doesn’t + verb1 + object
He, She, It, Jim , นามเอกพจน์ + does + not + verb 1 + object
I, You, We, They , นามพหูพจน์ + do + not + verb 1 + object
*ข้อสังเกต* ถ้าเราใช้ does เข้ามาช่วยแล้วกริยาต้องเป็นช่องที่ 1 เหมือนเดิม
เราไม่ต้องเติม s, es
รูปย่อ does not = doesn’t
do not = don’t