นิทานแสนสนุก
สรุปใจความสำคัญ
โรงเรียนบ้านเชิงดอย ซึ่งเป็นโรงเรียนเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในชุมชน ก้อง ชมพู และพลอยเล่านิทานให้เด็ก ๆ ในโรงเรียนฟัง โดยชมพูเลือกเล่านิทนปรัมปราเกี่ยวกับตำนานของฟ้าแลบ และฟ้าร้อง มีเนื้อเรื่อง ดังนี้ ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพญามังกรตัวหนึ่งมีฤทธิ์มาก ท่องเที่ยวอยู่ในมหาสมุทร พญามังกรตัวนี้มีดวงแก้วซึ่งมีรัศมีเจิดจ้าประดับอยู่ที่หัว และมีธิดาชื่อว่า นางเมขลา มีรูปร่างและใบหน้างดงามมาก นางชอบเที่ยวชอบสนุก มักท่องเที่ยวร้องเล่นร่ายรำไปในที่ต่าง ๆ พญามังกรเป็นห่วงลูกสาว จึงไปถวายตัว เป็นนางสนมของพระอินทร์ และได้ถวายดวงแก้วของตนให้แก่พระอินทร์ด้วย
พระอินทร์รับดวงแก้วไว้แล้วมองให้นางเมขลาเป็นผู้ดูแลรักษา นางเมขลาเมื่ออยู่กับพระอินทร์ก็กลัดกลุ้มที่ไม่ได้ท่องเที่ยว วันหนึ่งนางแอบหนีไปเที่ยวและนำดวงแก้วไปด้วย นางร่ายรำอยู่ระหว่างก้อนเมฆเหนือฟองคลื่นทั่วท้องมหาสมุทร พลางโยนดวงแก้วเล่นอย่างสนุกสนาน เกิดแสงเป็นประกายวูบวาบ ไม่ยอมกลับสวรรค์ เมื่อเป็นเช่นนี้ พระอินทร์จึงมอบหน้าที่ให้นางดูแลรักษามหาสมุทร
ยักษ์ตนหนึ่งชื่อรามสูร มีขวานเพชรเป็นอาวุธ วันหนึ่งรามสูรไปเยี่ยมเพื่อนชื่อราหู พบว่าราหูตัวขาดเหลือเพียงครึ่งตัวแต่ยังไม่ตาย ราหูเล่าว่า ตนได้แอบดื่มน้ าอมฤตที่พระนารายณ์ชักชวนให้เทวดาทั้งหลายรวมทั้งตนเองมาช่วยกวน พระนารายณ์ทราบก็โกรธ ข้างจักรมาถูกตน จึงทำให้ร่างกายขาดเป็น ๒ ท่อนรามสูรสงสารเพื่อนจึงได้ไปขอให้พระอินทร์ช่วย และเพื่อเอาใจพระอินทร์จึงคิดจะจับนางเมขลาไปถวาย
รามสูรพยายามจะจับนางเมขลาให้ได้ แต่นางก็หลบหลีกได้ว่องไวพลางโยนดวงแก้วล่อหลอก แสงของดวงแก้วกระทบตารามสูรจนพร่ามัว รามสูรโกรธจึงขว้างขวานเพชรไป หมายจะฆ่านางเมขลาเสียแต่ดวงแก้วก็คุ้มครองนางให้หลบได้ทุกครั้ง รามสูรก็ติดตามอยู่เช่นนี้เรื่อยไปผู้เฒ่าผู้แก่มักเล่าสู่กันฟังว่า เวลาฝนฟ้าแลบแปลบปลาบ เป็นเพราประกายจากดวงแก้วของนางเมขลาส่วนเสียงฟ้าร้องนั้น เกิดจากรามสูรขว้างขวานเพชร บางครั้งเมื่อขวานเพชรพลาดไม่โดนนางเมขลา แล้วตกลงมาบนพื้นโลก ทำให้เกิดเสียงกึกก้อง กัมปนาทเป็นเสียงฟ้าผ่าเมื่อชมพูเล่าจบ พลอยก็เล่าเรื่องหญิงแก่กับหมู ซึ่งเป็นนิทานลูกโซ่ ส่วนก้องเล่าเรื่องขำขันให้เด็ก ๆ ฟัง เมื่อเด็ก ๆ ได้ฟังนิทานแต่ละเรื่องจบแล้วต่างก็ปรบมือหัวเราะชอบใจ
อ่านเสริม
เจ้าแม่หลิมกอเหนี่ยว
ตํานานเรื่อง เจ้าแม่หลิมกอเหนี่ยว ได้มีการเล่าสืบต่อกันมานานแล้วว่า
ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองจั่วจว มณฑลฮกเกี้ยน ประเทศจีนมีครอบครัวแซ่หลิมครอบครัวหนึ่งมีลูก ๒ คน คนโตเป็นผู้ชายชื่อ หลิมเต้าเคี่ยน คนน้องเป็นผู้หญิงชื่อ หลิมกอเหนี่ยว ทั้งสองได้รับการศึกษาศิลปวิทยาการเป็นอย่างดียิ่งเมื่อบิดาถึงแก่กรรม หลิมเต้าเคี่ยนเข้ารับราชการรับใช้แผ่นดิน ทิ้งมารดา ให้อยู่กับหลิมกอเหนี่ยวน้องสาวแต่เพียงลําพัง หลิมเต้าเคี่ยนรับราชการด้วย ความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นในความเที่ยงธรรม เป็นที่รักใคร่นับถือของประชาชน ทําให้ขุนพลเช็กอีกวงอิจฉาริษยา และกราบทูลฮ่องเต้ใส่ความหลิมเต้าเคี่ยน จนถูกทางราชการประกาศจับ หลิมเต้าเคี่ยนจึงพาพรรคพวกหนีราชภัยมาทาง ทะเลจีนใต้จนกระทั่งถึงเมืองปัตตานี เข้าสวามิภักดิ์ทําราชการสนองพระเดช พระคุณรายาเมืองปัตตานีด้วยความจงรักภักดี จนเป็นที่โปรดปรานและไว้วางใจเป็นอย่างมาก ต่อมาหลิมเต้าเคี่ยนได้เข้าพิธีแต่งงานกับธิดาของรายา เมืองนั้น ยอมทิ้งศาสนาเดิมไปนับถือศาสนาอิสลาม คนทั้งหลายจึงพากันเรียก หลิมเต้าเคียนว่า หลิมโต๊ะเคียน รายาเมืองปัตตานี ขอให้หลิมโต๊ะเคี่ยนช่วยสร้างมัสยิดไว้เชิดหน้าชูตา เป็นศรีสง่าแก่เมืองปัตตานี หลิมโต๊ะเคี่ยนตอบรับอย่างไม่ลังเล และเริ่มสร้าง มัสยิดที่บ้านกรือเซะ โดยไม่ได้ส่งข่าวคราวไปถึงมารดาและน้องสาวเลย มารดาและหลิมกอเหนี่ยวเป็นห่วง ไม่รู้ว่าพี่ชายไปอยู่ที่ไหน เป็นตาย ร้ายดีอย่างไร จนกระทั่งมารดาล้มป่วย หลิมกอเหนี่ยวจึงคิดที่จะตามหาพี่ชาย ให้พบเพื่อให้มารดาสบายใจหลิมกอเหนี่ยวได้ตั้งสัจวาจาว่า ขอให้ฟ้าดินเป็นพยาน หากการเดินทาง ไปตามหาพี่ชายครั้งนี้ไม่สําเร็จ หรือพี่ชายไม่ยอมกลับ นางจะไม่ขอมีชีวิตอยู่ ดูหน้าใครในแผ่นดินอีกต่อไป
เมื่อหลิมกอเหนี่ยวเดินทางมาพบพี่ชายที่เมืองปัตตานี จึงเล่าถึงความ ทุกข์โศกของมารดาให้ฟัง พร้อมกับขอร้องให้หลิมโต๊ะเคี่ยนกลับบ้านพร้อมตน หลิมโต๊ะเคียนไม่สามารถเดินทางกลับได้ เนื่องจากมีภาระต้องสร้างมัสยิดที่ กรือเซะให้เสร็จ หลิมกอเหนี่ยวรู้สึกน้อยใจและผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง จึงตัดพ้อ ต่อว่าพี่ชาย และขอเทวดาฟ้าดินจงรับรู้คําสาปของนางว่าอย่าให้พี่ชายทํางานใดๆ สําเร็จเลย แล้วนางก็ผูกคอตายกับกิ่งต้นยาร่วง ตามที่ตั้งสัจวาจาไว้ หลิมโต๊ะเคี่ยนรู้สึกเสียใจมาก ได้ร่วมกับชาวจีนเมืองปัตตานีนําศพ หลิมกอเหนี่ยวไปฝั่งตามประเพณี ดังปรากฏหลุมฝังศพของนางอยู่ที่บ้านกรือเซะ มาจนกระทั่งทุกวันนี้ หลังจากนั้นหลิมโต๊ะเคี่ยนก็พยายามสร้างมัสยิดที่กรือเซะ ต่อไป แต่ก็ไม่สําเร็จ ถูกฟ้าผ่าถึง ๓ ครั้ง ๓ ครา ชาวบ้านเชื่อว่า เป็นเพราะ คําสาปของหลิมกอเหนี่ยวนั่นเอง
ผู้คนที่ทราบเรื่องนี้ เกิดความเคารพนับถือวิญญาณอันบริสุทธิ์และ ศักดิ์สิทธิ์ของนาง จึงนําไม้ยาร่วงมาแกะสลักเป็นรูปเหมือน แล้วเชิญไว้ใน ศาลเจ้า เรียกว่า เจ้าแม่หลิมกอเหนี่ยว ตั้งแต่นั้นมาจวบจนปัจจุบัน
หมายเหตุ มัสยิดนี้ทางราชการได้บูรณะซ่อมแซมให้สวยงาม จนเสร็จสมบูรณ์เมื่อ พ.ศ.๒๕๕๔ และเปิดให้ใช้ เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอิสลามของชาวมุสลิม
อ่านเพิ่ม เติมความหมาย
ตำนาน : เรื่องราวที่สืบต่อกันมา
ทวยเทพ : เหล่าเทวดา
เมขลา : ชื่อเทพธิดาประจํามหาสมุทร มีดวงแก้วประจํา ตัว เชื่อกันว่า ฟ้าแลบในวันฝนตก คือ การ โยนลูกแก้วของนางเมขลา
ยาร่วง : ต้นมะม่วงหิมพานต์ (ภาษาถิ่นใต้)
รามสูร : ชื่อยักษ์ตนหนึ่งตามเทพนิยายของอินเดีย เชื่อกันว่าเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าเป็นเสียงรามสูร ขว้างขวาน
ราหู : ชื่ออสูรตนหนึ่ง มีตัวขาดเหลือครึ่งท่อน เมื่อ เวลามีสุริยคราสหรือจันทรคราส เชื่อกันว่า เป็นเพราะดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ถูกราหู อมเอาไว้